วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2559
โฮบาร์ท ประเทศไทย เร่งเครื่องลุยตลาด CLMV เจาะกลุ่มเวียดนาม พม่า รองรับการขยายตัวในภูมิภาค หลังเปิด AEC พร้อมส่ง SOMAT โซแมท เครื่องแปรขยะอาหารเป็นผงธุลีดิน ใหม่ล่าสุด เข้าร่วมเปิดตัวครั้งแรกในเอเซีย ที่ประเทศไทยในงาน SETA 2016 ไบเทค บางนา
โฮบาร์ท (ประเทศไทย) ตอกย้ำศักยภาพเศรษฐกิจโดยรวมประเทศในแถบอินโดจีน ไทยมีศักยภาพความเป็นศูนย์กลางและมีมาตรฐานสูงสุดโดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องประกอบอาหาร และเทคโนโลยีใหม่ ด้านกรีน อินโนเวชั่น เน้นตัวแทนน้อยแต่เป็นมืออาชีพในบริการทั่วถึง ระบุเวียดนามน่าสนใจทำตลาดมากสุด ด้วยมี GDP 1 ใน 3 ของไทย ชี้สินค้าบริษัทมีความต่างเน้นคุณภาพมากกว่าหวังผลกำไร หวังรัฐอัดฉีดเม็ดเงินดึงกำลังซื้อฟื้นตัว
นายวิวัฒน์ วงศ์พิวัฒน์ ผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศไทยและภาคพื้นอินโดจีน บริษัท โฮบาร์ท (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศ CLMV มีแนวโน้มขยายตัวดีต่อเนื่อง มีแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และเป็นแหล่งแรงงานที่มีค่าจ้างไม่สูงมากนัก จึงทำให้กลุ่มประเทศ CLMV เป็นทั้งแหล่งผลิตและตลาดใหม่ที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ถือว่าเป็นโอกาสและอุปสรรคเนื่องด้วยมี Foreign Direct Investment (FDI) มากขึ้นในประเทศไทย กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาร์และเวียดนาม (T+ CLMV) ที่ทำให้มีโครงการห้าดาวประมูลกันมากมาย จึงเป็นโอกาสของประเทศไทยที่มีศักยภาพ ความเป็นศูนย์กลางที่สุดและมีมาตรฐานสูงสุดในเครื่องประกอบอาหาร ที่น่าจะโดดเด่นที่สุดใน AEC แต่ก็มีบ้างที่บางโครงการอาจนำสินค้าเข้ามาเองใน CLMV แล้วทิ้งงานบริการให้ตัวแทนของโฮบาร์ท ดูแลอย่างจำกัดทรัพยากร อีกทั้งการเปิด AEC ทำให้การแข่งขันระหว่างตัวแทนจำหน่ายสูงขึ้นเนื่องจากทุกตัวแทนจำหน่ายสามารถไปแข่งขันได้ทุกที่ เนื่องจากเป็นประเทศ AEC เดียวกัน
อย่างไรก็ดี เพื่อตอบสนองการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นจากการเติบโตของตลาด T+CLMV ในปีนี้ โฮบาร์ท ประเทศไทย ยังคงยึดถือแนวทาง Sustainable Development เป็นหลัก คือ ไม่ต้องมีตัวแทนจำนวนมาก มีเพียงน้อยรายแต่มีศักยภาพในองค์กรธุรกิจที่สำคัญคือ ต้องมีความเป็นมืออาชีพในการบริการทั่วถึง ในทุกที่ ทุกเวลา โดยเฉพาะประเทศเวียดนามที่มีมูลค่า GDP ขนาดประมาณ 1 ใน 3 ของไทย รองลงมาได้แก่ เมียนมาร์ และ กัมพูชา ที่มีตลาดไฮเอนด์ห้าดาวที่มีศักยภาพโดยเฉพาะในเขตเมืองท่องเที่ยวที่มีการเปิดตัวของภัตตาคาร โรงแรม รีสอร์ท สปา และคาสิโน อย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งใน กรุงพนมเปญ และเสียมเรียบ อีกทั้ง ยังมี Food Chain ของไมเนอร์กรุ๊ปที่เข้ามาปักหลักทำตลาดและเปิดตัวร้านค้าอย่างจริงจังมาก่อนแล้วหลายปี ในขณะที่ตลาดเมียนมาร์หรือพม่านั้น เริ่มเกิดอย่างจริงจังเป็น Baby Boom ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยเพิ่งจะมีโรงแรมห้าดาว อย่างเช่น NOVOTEL เพิ่งจะสร้างเสร็จใหม่ที่กรุงย่างกุ้ง และเคมปินสกี้ เนปิดอว์ ที่โดดเด่นในปีนี้เท่านั้นเอง ในขณะที่ตลาดมีความต้องการห้องพักมากมาย จน Developer ต้องนำเรือเดินสมุทรมาทำเป็นโรงแรมห้าดาวเพราะมูลค่าที่ดินนั้นแพงมหาศาล หรือแม้แต่ความต้องการของชนชั้นกลางในการบริโภคร้านอาหารนานาชาติที่ได้รับความนิยม เช่น โออิชิ ที่เปิดตัวไปแล้วหลายสาขา หรือแม้แต่เดอะ พิซซ่า ที่เพิ่งเปิดร้านในย่างกุ้งเร็วๆ นี้ ก็ขายไม่ทันจนมีลูกค้ามารอรับพิซซ่านำกลับบ้านจนล้นหลาม เพราะทางการไม่อนุญาตให้ขับขี่มอเตอร์ไซด์ในเขตกรุงย่างกุ้ง จึงไม่มีพิซซ่า เดลิเวอรี่ ส่งถึงบ้านเหมือนอย่างบ้านเรา ทั้งหมดนั้นเป็นลูกค้าส่วนหนึ่งของโฮบาร์ท และศักยภาพของตลาดใน CLMV ที่โฮบาร์ท ประเทศไทยได้ร่วมพัฒนากับผู้แทนจำหน่ายในสินค้าและบริการให้ยั่งยืนในตลาด AECนี้ต่อไป
นายวิวัฒน์ กล่าวและเพิ่มเติมว่า “สำหรับแนวทางการพัฒนาการตลาด T+CLMV ในปีนี้ โฮบาร์ทยังคงมุ่งเน้นปัจจัยความรู้ ความเข้าใจในสุขอนามัยของการประกอบอาหารด้วยเครื่องมือที่ได้มาตรฐานสากลเพื่อได้อาหารที่ปลอดภัย (Food Safety) จากสินค้าที่ตอบโจทย์ในธุรกิจอาหารที่ได้รับการยกย่องได้รางวัลนานาชาติมากมาย อีกทั้งมี Solution ที่โฮบาร์ทมีบุคลิกบอกถึงความคุ้มค่าต่อการลงทุนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเตรียมอาหารที่ทนทานเลื่องชื่อและได้มาตรฐาน NSF, เครื่องประกอบอาหารที่ได้ ENERGY STAR, เครื่องล้างจานอัจฉริยะที่ประหยัดน้ำ ไฟ และเคมีสูงสุดเป็นสุดยอด Green Technology รวมทั้งมีเทคโนโลยีการลดขยะอาหารที่ได้รับการยอมรับจากสมาพันธ์อาคารเขียวของสหรัฐอเมริกาจนมีหลายโครงการได้รับรองในระดับ LEED ซึ่งได้ผลเป็นการลดภาวะเรือนกระจกลดโลกร้อนอีกด้วย โดยในปีนี้ โฮบาร์ทจะนำสินค้าในกลุ่ม SOMAT ซึ่งเป็นสินค้าในกลุ่ม กรีน อินโนเวชั่น ที่ช่วยแปรขยะอาหารให้เป็นผงธุลีใช้ปรับปรุงดิน(Soil Amendment) ได้เข้ามาเปิดตัว ครั้งแรกในเอเซียที่ประเทศไทยในงาน SETA 2016 ระหว่างวันที่ 23- 25 มีนาคมนี้ที่ไบเทค บางนา ด้วย
อย่างไรก็ตามแม้ว่าในปี 2558 ที่ผ่านมา สภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยจะชะลอตัว แต่ประเทศไทย โฮบาร์ท ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย รวมถึงยังสามารถพัฒนาความรู้ด้านเทคโนยีใหม่ๆ ให้กับกลุ่มผู้แทนจำหน่ายให้เข้าใจในตัวผลิตภัณพ์ต่างๆ ของโฮบาร์ทเพิ่มมากขึ้น อาทิ การจัดโปรแกรมพาผู้แทนจำหน่ายไปร่วมชมงานที่เยอรมนี ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ และเป็นฐานการผลิตที่สำคัญ รองจากสหรัฐอเมริกา และยังมุ่งเน้นพัฒนาผู้แทนจำหน่ายหลักใน CLMV ด้วยระบบ Partnership ที่ต้องเพิ่มความแข็งแกร่งในงานบริการ โดยมีทีมงานเราเป็นพี่เลี้ยง ซึ่งคาดว่าน่าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่ง Food Services จะโตตามค่านิยมการบริโภคนอกบ้านของคนไทยในสังคมเมือง รวมทั้งการสนับสนุนการท่องเที่ยว ซึ่งในภาพรวมยังคงไม่กระทบมากนักเพราะภาครัฐและเอกชนยังลงทุน และมีนโยบายมาสนับสนุน การจับจ่ายให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การขยายตัวจึงไม่ยากนัก ถ้าโฮบาร์ทสามารถขยายตัวในประเทศไทย โดยจะไปสู่ช่องทางใหม่ กับสินค้าใหม่ที่กำลังจะออกสู่ตลาดเร็วๆ นี้ ”
“โฮบาร์ท เป็นแบรนด์ที่อยู่ในตลาดประเทศไทยมากกว่า 50 ปี โดยในช่วงต้นๆ เป็นการนำเข้าตรงจาก FDI ไม่ว่าเป็น โรงแรมห้าดาว, เชนอาหารจานด่วน QSR, ศูนย์จัดเลี้ยง, โรงงานอุตสาหกรรม ที่มาจากต่างประเทศมากมาย ในยุคที่ไทยเปิดประเทศ โฮบาร์ท จึงเป็นแบรนด์ที่รู้จักในกลุ่มลูกค้า HoReCa ในระดับไฮเอนด์ เพราะเลื่องชื่อในความทนทาน บึกบึน พร้อมนวัตกรรมใหม่ๆ อยู่เสมอมา ตลอด 119 ปีตั้งแต่ประดิษฐ์ เครื่องผสมอาหาร เครื่องล้างจานเครื่องแรกของโลก ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันมีโฮบาร์ท ประเทศไทย ตั้งขึ้นเพื่อดูแลตัวแทนขายที่ได้รับการแต่งตั้ง ทั้งใน ประเทศไทย กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ และ เวียดนาม (T+CLMV) ให้ครอบคลุมถึง การให้ความรู้ ความเข้าใจในสินค้านวัตรกรรมใหม่ๆ ของเครื่องประกอบอาหาร (Food Service Equipment) รวมทั้งการบริการอะไหล่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุดใน 3 ภูมิภาคที่ดูแลนี้” นายวิวัฒน์ กล่าวในที่สุด
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น